บทที่ ๘ ความผันแปร ๙ ประการ
“อย่าตั้งค่ายอยู่ในพื้นที่ที่ลุ่ม
เปียกชื้น ชื้นแฉะ
ผูกสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นเส้นทางผ่าน
ไม่รีรอ
ล่าช้าในพื้นที่ที่ไปมาไม่สะดวก การขนส่งเสบียง และยุทโธปกรณ์ลำบาก
หากเข้าไปในพื้นที่ที่ข้าศึกล้อมเอาไว้
ขอจงรีบหาทางหนีออกมาให้เร็ว
เมื่อตกอยู่ในพื้นที่ที่หนีไม่ได้
ก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
ในบางครั้งจะไม่เดินบนเส้นทางที่น่าเดิน
ในบางครั้งที่เจอข้าศึกที่สามารถเข้าโจมตีได้ง่ายก็จะไม่เข้าโจมตี
จะไม่เข้าบุกยึดเมืองบางเมืองแม้ว่าจะเข้ายึดได้ง่าย
ไม่แย่งชิงพื้นที่บางแห่ง
และบางครั้งก็ไม่จำเป็นที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้มีอำนาจปกครองสูงสุด”
“จงทำเมื่อคิด
และตรองดูแล้วว่าเหมาะว่าควร เป็นประโยชน์ต่อชนหมู่มาก”
แม่ทัพที่ชำนาญศึกย่อมรู้จักใช้หลักสิ่งผันแปรทั้ง
๙ นี้เพื่อชิงความได้เปรียบ และย่อมรู้ว่าจะจัดการกระบวนศึกอย่างไร
แม่ทัพที่ขาดประสบการณ์ ก็ไม่สามารถนำความผันแปรทั้ง ๙ มาใช้ได้เช่นกัน
แม่ทัพที่ชาญฉลาดจะทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น
และคำนึงถึงผลได้ผลเสียไปพร้อมกัน หากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ
ต้องมองเห็นความได้เปรียบในความเสียเปรียบนั้น ก็จะช่วยสร้างความความมั่นใจให้แก่เหล่าทหารหาญ
ภารกิจก็จะลุล่วง เมื่อมีความได้เปรียบ อย่าประมาท
ให้ทบทวนให้เห็นถึงความเสียเปรียบในความได้เปรียบนั้น
จะได้สกัดเหตุที่ไม่คาดฝันได้ทันท่วงที
แคว้นข้าศึกกลัวอะไร
ก็ให้ใช้ความกลัวนั้นเข้าข่มแคว้นข้าศึก ทำทุกทางที่จะให้ข้าศึกทะเลาะกันเอง
และใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ เพื่อให้แคว้นที่มีความโลภฝักใฝ่อยู่ข้างเรา
เพื่อให้เราหาประโยชน์ในแคว้นนั้น
อย่าวางใจนิ่งนอนใจว่าข้าศึกจะไม่มาราวี
จงเตรียมพร้อมรับมือไว้เสมอ และอย่าวางใจว่าข้าศึกจะไม่โจมตีเรา
เราต้องทำกองทัพให้แข็งแกร่งตลอดเวลาเพื่อให้ข้าศึกสู้เราไม่ได้
ลักษณะบุคลิกที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้นำทัพ
๕ ประการ
๑. แม่ทัพที่คิดจะสู้ตายอย่างเดียว อาจถูกลวงไปฆ่าได้
๒. แม่ทัพที่กลัวตาย อาจถูกจับเป็นเชลยศึก
๓. แม่ทัพที่โกรธโมโหง่าย อาจหลงกลถูกข้าศึกหลอก
๔. แม่ทัพที่ถือเกียรติยศ ถือตนบริสุทธิ์
อาจตกหลุมพรางถูกข้าศึกใส่ร้ายป้ายสีได้
๕. แม่ทัพที่ยึดถือแต่ความ รักราษฎร แต่อย่างเดียว
ก็อาจมีความยุ่งยากลำบากใจได้
ทั้ง ๕ ประการนี้มักเป็นจุดอ่อน เป็นอันตรายต่อผู้เป็นแม่ทัพ
ที่สามารถกระทำผิดได้ง่าย อาจจะเป็นผลร้ายต่อการลงมือปฏิบัติการทางทหารด้วย
ผลเสียที่ตามมาอาจเกิดพินาศย่อยยับของกองทัพ รวมไปถึงตัวแม่ทัพเองอาจถูกฆ่าไปด้วย
ขอให้คิดวิเคราะห์ให้ดี
“จัดวางกำลังรบเพื่อคอยสังเกตการณ์ และตั้งค่ายรับข้าศึก
ภูมิประเทศเป็นภูเขา
เมื่อยกทัพผ่านขุนเขา ต้องเดินใกล้ที่ที่มีแหล่งน้ำ จงตั้งทัพบนที่สูง
และจัดวางกำลังรบได้ อย่ารุกขึ้นไปยึดเนินสูงที่ข้าศึกยึดไว้ก่อน
ในพื้นที่ที่มีแม่น้ำ
ให้ตั้งค่ายห่างแม่น้ำ และตั้งค่ายบนพื้นที่สูง อย่าหันทัพเข้าหาสายน้ำ
เมื่อข้าศึกข้ามแม่น้ำมารบอย่าพึ่งเข้ารบให้รอจนกว่าข้าศึกข้ามน้ำมาเกินครึ่งทางเสียก่อน
จึงเข้าตีจะได้ผลดีกว่ารบกันบนบก เมื่อยกทัพผ่านห้วย หนอง คลอง บึง
ต้องรีบเคลื่อนทัพโดยเร็ว ถ้าพบข้าศึกในพื้นที่ที่เป็นน้ำ
ต้องรีบเข้ายึดพื้นที่ที่มีพืชน้ำขึ้นหนาแน่น และต้องหันหลังอิงป่าไว้
ในการรบบนพื้นที่ราบ
ต้องวางกำลังครอบคลุมบริเวณกว้างรอบค่าย
ให้ส่วนที่สำคัญตั้งอยู่ในที่ลักษณะด้านหน้าเป็นที่ต่ำ และด้านหลังเป็นที่สูง”
ในการตั้งค่ายนั้นต้องตั้งอยู่บนที่สูง
และแห้ง อย่าตั้งค่ายในพื้นที่เฉอะแฉะ โดยหันหน้าค่ายไปทางที่มองภาพรวมได้กว้าง
ตั้งทัพใกล้แหล่งที่มีน้ำ
มีอาหารอุดมสมบูรณ์ เพื่อป้องกันทหารอดอยาก และมีโรคภัยไข้เจ็บ
การเลือกภูมิประเทศที่ดีเป็นส่วนช่วยเกื้อหนุนด้านการรบ
ไม่ตั้งค่ายที่ปลายน้ำ
เพราะเมื่อมีฝนตกหนักอาจมีน้ำป่าไหลหลาก เมื่อยกทัพผ่านภูมิประเทศเป็นหน้าผาสูง
หุบเหว ซอกเขา มีป่าทึบโดยรอบ ป่ารกชัฏ ที่เป็นโคลน ต้องรีบเดินทัพอย่างรวดเร็ว
อย่าได้รั้งรอ และเมื่อมาสำรวจให้สำรวจภูมิประเทศเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
เพราะข้าศึกอาจตั้งกองกำลังซุ่มอยู่
เมื่อข้าศึกยกทัพมาใกล้ และท่าทีเงียบสนิท
แสดงว่าข้าศึกมีชัยภูมิที่ได้เปรียบรอเราอยู่
เมื่อข้าศึกมาท้ารบโดยที่ทัพข้าศึกอยู่ห่างไกลจากเรา
แสดงว่าข้าศึกคิดล่อให้เราออกไป
เมื่อข้าศึกตั้งทัพในที่โล่ง
ก็แสดงข้าศึกคิดว่ามีความได้เปรียบอยู่
เมื่อรบใกล้แนวป่าให้ระวังข้าศึกพรางตัวมาตามแนวป่า
และให้ระวังกลลวงที่ข้าศึกได้วางเอาไว้
ถ้าเห็นนกกาแตกฮือบินหนีในป่า
แสดงว่าข้าศึกซ่อนตัวอยู่ในป่า
ถ้าเห็นฝูงสัตว์แตกตื่นวิ่งหนี
แสดงว่าข้าศึกยกทัพใหญ่มีต่อสู้
ถ้าเห็นฝุ่นตลบลอยสูง
แสดงว่ามีรถศึกมา และเห็นฝุ่นตลบลอยต่ำแสดงว่าข้าศึกยกพลเดินเท้ามา
ถ้าเห็นฝุ่นลอยฟุ้ง
กระจัดกระจาย แสดงว่าข้าศึกลากกิ่งไม้
ถ้าเห็นฝุ่นเบาบาง
แสดงว่าข้าศึกกำลังตั้งค่าย
ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาอย่างอ่อนน้อม
แต่อีกทางหนึ่งกำลังเสริมกำลังรบ แสดงว่าข้าศึกซื้อเวลาเตรียมการบุกใหญ่
ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาด้วยท่าทีที่โอหังแข็งกร้าว
และฝ่ายทัพข้าศึกแสดงทีที่จะบุกโจมตี แสดงว่าข้าศึกกำลังเตรียมถอยหนี
ถ้าข้าศึกแบ่งกำลังรบวางขนาบ
ออกเป็นสองข้าง แสดงว่ากำลังจัดกระบวนทัพเพื่อเตรียมรบขั้นแตกหัก
ถ้าทัพข้าศึกวิ่งไปมาและจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ
แสดงว่าข้าศึกเตรียมที่จะรบถึงขั้นแตกหัก
ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาของสงบศึก
โดยกองทัพยังไม่ได้รับความสูญเสีย และไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยัน ก็แสดงว่าข้าศึกเตรียมกลลวงไว้
ถ้าข้าศึกเข้ารบบ้าง
ถอยบ้างแสดงว่าข้าศึกต้องการล่อให้ ไปติดกับ
ถ้าข้าศึกยืนแล้วเอาอาวุธยันกาย
แสดงว่าข้าศึกอดอาหาร และกำลังหิวโซ
ถ้าข้าศึกดื่มกินน้ำอย่างเร่งรีบ
แสดงว่าข้าศึกกระหายน้ำจัด
ถ้าข้าศึกไม่บุกเข้าโจมตีขณะที่ตัวเอง
มีความได้เปรียบอยู่ แสดงว่าข้าศึกอยู่ในสภาพอ่อนล้า อิดโรย
ถ้ามีนกกาจับฝูงบินวนเหนือค่ายข้าศึก
แสดงว่าเป็นค่ายร้าง
ถ้าข้าศึกมีความตระหนกตกใจ
แสดงว่าข้าศึกเริ่มหวาดกลัว
ถ้าเกิดความชุลมุนวุ่นวายในค่ายข้าศึก
แสดงว่าแม่ทัพนายกองไม่เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าทหาร
ถ้าธงข้าศึกโบกไหวไม่เป็นระเบียบ
แสดงว่าข้าศึกมีความชุลมุนวุ่นวาย
ถ้านายทหารของข้าศึกมีความหงุดหงิด
โกรธง่าย แสดงว่ากองทัพเหนื่อยอ่อนไร้เรี่ยวแรง
ถ้าข้าศึกหุงหาอาหารกิน
และไม่เก็บภาชนะเหล่านั้น แสดงว่าข้าศึกกำลังเตรียมสู้ตาย
ถ้าแม่ทัพนายกองข้าศึกพูดจากับทหารผู้ใต้บังคับบัญชา
อย่างนบนอบขาดความสง่างาม แสดงว่าแม่ทัพนายกองนั้นไม่เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าทหาร
ถ้าแม่ทัพนายกองต้องให้รางวัลแก่ทหารอยู่เสมอ
แสดงว่าแม่ทัพนายกองจนปัญญาที่จะบังคับบัญชาเหล่าทหาร
ถ้าแม่ทัพนายกองลงโทษทหารอยู่เสมอ
แสดงว่าทัพข้าศึกกำลังเข้าตาจนอยู่ในสภาวะที่ลำบาก
ถ้าแม่ทัพนายกองแสดงความเหี้ยมโหดกับทหาร
ภายหลังมาหวาดระแวง แสดงว่าผู้นั้นเป็นคนนำทัพที่ไม่ฉลาด
ถ้าข้าศึกส่งของกำนัลมาเพื่อที่จะเจรจา
แสดงว่าข้าศึกนั้นกำลังขอพักรบเพื่อให้ทหารได้พักผ่อน
และถ้าข้าศึกยกทัพมาประชิดค่าย
ตั้งทัพอยู่นานซ้ำยังไม่ยอมออกมารบด้วย และไม่ยอมถอยกลับ ให้คิดหาเหตุผลของข้าศึก
พร้อมกับระมัดระวังให้ดี
ในการรบนั้น
ฝ่ายที่มีกำลังมากก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป
ขอเพียงอย่าวู่วามบุ่มบ่ามขาดสติในการบุกโจมตีข้าศึก จงรวบรวมกำลังทหาร
และพิจารณาสภาพการณ์ของข้าศึก
พร้อมกับสร้างความสามัคคีในหมู่คณะเท่านี้ก็เพียงพอในการที่จะให้กองทัพดำรงอยู่ได้
พร้อมที่จะเอาชัยชนะ แม่ทัพที่ไม่มีความคิดซ้ำยังประมาทกำลังของข้าศึก
ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพ่ายแพ้ตกเป็นเชลย
หากแม่ทัพลงโทษทหารทั้ง
ๆ ที่ไม่มีความผิด ทำให้ทหารนั้นจะไม่เคารพยำเกรง
และอาจจะเกิดการกระด้างกระเดื่องขึ้นในกองทัพยากแก่การบังคับบัญชา
และหากทหารมีความผิดแต่ไม่ทำโทษตามวินัย แม้ทหารจะมีความเคารพนับถือในตัวแม่ทัพ
แต่ก็จะใช้ให้ทหารเหล่านี้ออกรบไม่ได้ทหารนั้นจะย่อหย่อนทางวินัย
การที่จะให้ทหารเชื่อฟังแม่ทัพ
และเคารพยำเกรงในตัวแม่ทัพ ก่อนอื่นแม่ทัพจะต้องชนะใจทหารเสียก่อน
ชนะได้ด้วยความมีเมตตากรุณา
ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความเฉียบขาดในเรื่องระเบียบวินัย
แม่ทัพที่ทำได้อย่างนี้ก็จะเป็นที่ยำเกรง และเป็นที่รักใคร่ของเหล่าทหาร
สั่งสอนให้ทหารมีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ทหารก็จะเคยชินกับระเบียบวินัยนั้น
ถ้าหากไม่ค่อยสั่งสอนหรือย่อหย่อนในระเบียบวินัย ทหารก็จะไม่เคยชินกับระเบียบวินัย
เมื่อระเบียบวินัยได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นปกติ
ความสามัคคีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
พร้อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกันทุกสมรภูมิรบกับผู้เป็นแม่ทัพก็จะเกิดขึ้น
แม่ทัพที่ปฏิบัติต่อผู้ทหารดั่งแม่ที่ทะนุถนอมลูกน้อย
ทหารย่อมร่วมยินดีฝ่าฝันร่วมทุกข์ร่วมยากกับแม่ทัพ
แม่ทัพที่ปฏิบัติต่อทหารเหมือนดั่งพ่อรักลูก
ทหารย่อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับแม่ทัพได้
ถ้าหากแม่ทัพปฏิบัติต่อทหารอย่างดี
แต่เมื่อถึงเวลาใช้งานตามความสามารถกลับไม่ใช้ รักแต่ไม่อบรมสั่งสอน
และเมื่อทหารทำผิดกับไม่ได้รับโทษ
เมื่อเป็นเช่นนี้เหมือนกับเป็นการตามใจลูกจนเสียคน ทหารเหล่านี้จะใช้ทำการรบไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น