วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

หลักกลยุทธ์ซุนวู 9 + 10



บทที่ ๘ ความผันแปร ๙ ประการ

อย่าตั้งค่ายอยู่ในพื้นที่ที่ลุ่ม เปียกชื้น ชื้นแฉะ

ผูกสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นเส้นทางผ่าน

ไม่รีรอ ล่าช้าในพื้นที่ที่ไปมาไม่สะดวก การขนส่งเสบียง และยุทโธปกรณ์ลำบาก

หากเข้าไปในพื้นที่ที่ข้าศึกล้อมเอาไว้ ขอจงรีบหาทางหนีออกมาให้เร็ว

เมื่อตกอยู่ในพื้นที่ที่หนีไม่ได้ ก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด

ในบางครั้งจะไม่เดินบนเส้นทางที่น่าเดิน

ในบางครั้งที่เจอข้าศึกที่สามารถเข้าโจมตีได้ง่ายก็จะไม่เข้าโจมตี

จะไม่เข้าบุกยึดเมืองบางเมืองแม้ว่าจะเข้ายึดได้ง่าย ไม่แย่งชิงพื้นที่บางแห่ง

และบางครั้งก็ไม่จำเป็นที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้มีอำนาจปกครองสูงสุด

 จงทำเมื่อคิด และตรองดูแล้วว่าเหมาะว่าควร เป็นประโยชน์ต่อชนหมู่มาก

      แม่ทัพที่ชำนาญศึกย่อมรู้จักใช้หลักสิ่งผันแปรทั้ง ๙ นี้เพื่อชิงความได้เปรียบ และย่อมรู้ว่าจะจัดการกระบวนศึกอย่างไร แม่ทัพที่ขาดประสบการณ์ ก็ไม่สามารถนำความผันแปรทั้ง ๙ มาใช้ได้เช่นกัน

      แม่ทัพที่ชาญฉลาดจะทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น และคำนึงถึงผลได้ผลเสียไปพร้อมกัน หากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ ต้องมองเห็นความได้เปรียบในความเสียเปรียบนั้น ก็จะช่วยสร้างความความมั่นใจให้แก่เหล่าทหารหาญ ภารกิจก็จะลุล่วง เมื่อมีความได้เปรียบ อย่าประมาท ให้ทบทวนให้เห็นถึงความเสียเปรียบในความได้เปรียบนั้น จะได้สกัดเหตุที่ไม่คาดฝันได้ทันท่วงที

      แคว้นข้าศึกกลัวอะไร ก็ให้ใช้ความกลัวนั้นเข้าข่มแคว้นข้าศึก ทำทุกทางที่จะให้ข้าศึกทะเลาะกันเอง และใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ เพื่อให้แคว้นที่มีความโลภฝักใฝ่อยู่ข้างเรา เพื่อให้เราหาประโยชน์ในแคว้นนั้น

      อย่าวางใจนิ่งนอนใจว่าข้าศึกจะไม่มาราวี จงเตรียมพร้อมรับมือไว้เสมอ และอย่าวางใจว่าข้าศึกจะไม่โจมตีเรา เราต้องทำกองทัพให้แข็งแกร่งตลอดเวลาเพื่อให้ข้าศึกสู้เราไม่ได้

ลักษณะบุคลิกที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้นำทัพ ๕ ประการ

๑. แม่ทัพที่คิดจะสู้ตายอย่างเดียว อาจถูกลวงไปฆ่าได้

๒. แม่ทัพที่กลัวตาย อาจถูกจับเป็นเชลยศึก

๓. แม่ทัพที่โกรธโมโหง่าย อาจหลงกลถูกข้าศึกหลอก

๔. แม่ทัพที่ถือเกียรติยศ ถือตนบริสุทธิ์ อาจตกหลุมพรางถูกข้าศึกใส่ร้ายป้ายสีได้

๕. แม่ทัพที่ยึดถือแต่ความ รักราษฎร แต่อย่างเดียว ก็อาจมีความยุ่งยากลำบากใจได้  

ทั้ง ๕ ประการนี้มักเป็นจุดอ่อน เป็นอันตรายต่อผู้เป็นแม่ทัพ ที่สามารถกระทำผิดได้ง่าย อาจจะเป็นผลร้ายต่อการลงมือปฏิบัติการทางทหารด้วย ผลเสียที่ตามมาอาจเกิดพินาศย่อยยับของกองทัพ รวมไปถึงตัวแม่ทัพเองอาจถูกฆ่าไปด้วย ขอให้คิดวิเคราะห์ให้ดี







 บทที่ ๙ การเดินทัพ

จัดวางกำลังรบเพื่อคอยสังเกตการณ์ และตั้งค่ายรับข้าศึก

ภูมิประเทศเป็นภูเขา เมื่อยกทัพผ่านขุนเขา ต้องเดินใกล้ที่ที่มีแหล่งน้ำ จงตั้งทัพบนที่สูง และจัดวางกำลังรบได้ อย่ารุกขึ้นไปยึดเนินสูงที่ข้าศึกยึดไว้ก่อน

ในพื้นที่ที่มีแม่น้ำ ให้ตั้งค่ายห่างแม่น้ำ และตั้งค่ายบนพื้นที่สูง อย่าหันทัพเข้าหาสายน้ำ เมื่อข้าศึกข้ามแม่น้ำมารบอย่าพึ่งเข้ารบให้รอจนกว่าข้าศึกข้ามน้ำมาเกินครึ่งทางเสียก่อน จึงเข้าตีจะได้ผลดีกว่ารบกันบนบก เมื่อยกทัพผ่านห้วย หนอง คลอง บึง ต้องรีบเคลื่อนทัพโดยเร็ว ถ้าพบข้าศึกในพื้นที่ที่เป็นน้ำ ต้องรีบเข้ายึดพื้นที่ที่มีพืชน้ำขึ้นหนาแน่น  และต้องหันหลังอิงป่าไว้ 

ในการรบบนพื้นที่ราบ ต้องวางกำลังครอบคลุมบริเวณกว้างรอบค่าย ให้ส่วนที่สำคัญตั้งอยู่ในที่ลักษณะด้านหน้าเป็นที่ต่ำ และด้านหลังเป็นที่สูง
               
      ในการตั้งค่ายนั้นต้องตั้งอยู่บนที่สูง และแห้ง อย่าตั้งค่ายในพื้นที่เฉอะแฉะ โดยหันหน้าค่ายไปทางที่มองภาพรวมได้กว้าง

      ตั้งทัพใกล้แหล่งที่มีน้ำ มีอาหารอุดมสมบูรณ์ เพื่อป้องกันทหารอดอยาก และมีโรคภัยไข้เจ็บ การเลือกภูมิประเทศที่ดีเป็นส่วนช่วยเกื้อหนุนด้านการรบ

      ไม่ตั้งค่ายที่ปลายน้ำ เพราะเมื่อมีฝนตกหนักอาจมีน้ำป่าไหลหลาก เมื่อยกทัพผ่านภูมิประเทศเป็นหน้าผาสูง หุบเหว ซอกเขา มีป่าทึบโดยรอบ ป่ารกชัฏ ที่เป็นโคลน ต้องรีบเดินทัพอย่างรวดเร็ว อย่าได้รั้งรอ และเมื่อมาสำรวจให้สำรวจภูมิประเทศเหล่านี้อย่างระมัดระวัง เพราะข้าศึกอาจตั้งกองกำลังซุ่มอยู่

                เมื่อข้าศึกยกทัพมาใกล้ และท่าทีเงียบสนิท แสดงว่าข้าศึกมีชัยภูมิที่ได้เปรียบรอเราอยู่

เมื่อข้าศึกมาท้ารบโดยที่ทัพข้าศึกอยู่ห่างไกลจากเรา แสดงว่าข้าศึกคิดล่อให้เราออกไป

เมื่อข้าศึกตั้งทัพในที่โล่ง ก็แสดงข้าศึกคิดว่ามีความได้เปรียบอยู่

เมื่อรบใกล้แนวป่าให้ระวังข้าศึกพรางตัวมาตามแนวป่า และให้ระวังกลลวงที่ข้าศึกได้วางเอาไว้

ถ้าเห็นนกกาแตกฮือบินหนีในป่า แสดงว่าข้าศึกซ่อนตัวอยู่ในป่า

ถ้าเห็นฝูงสัตว์แตกตื่นวิ่งหนี แสดงว่าข้าศึกยกทัพใหญ่มีต่อสู้

ถ้าเห็นฝุ่นตลบลอยสูง แสดงว่ามีรถศึกมา และเห็นฝุ่นตลบลอยต่ำแสดงว่าข้าศึกยกพลเดินเท้ามา

ถ้าเห็นฝุ่นลอยฟุ้ง กระจัดกระจาย แสดงว่าข้าศึกลากกิ่งไม้

ถ้าเห็นฝุ่นเบาบาง แสดงว่าข้าศึกกำลังตั้งค่าย

ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาอย่างอ่อนน้อม แต่อีกทางหนึ่งกำลังเสริมกำลังรบ แสดงว่าข้าศึกซื้อเวลาเตรียมการบุกใหญ่

  ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาด้วยท่าทีที่โอหังแข็งกร้าว และฝ่ายทัพข้าศึกแสดงทีที่จะบุกโจมตี แสดงว่าข้าศึกกำลังเตรียมถอยหนี

ถ้าข้าศึกแบ่งกำลังรบวางขนาบ ออกเป็นสองข้าง แสดงว่ากำลังจัดกระบวนทัพเพื่อเตรียมรบขั้นแตกหัก

ถ้าทัพข้าศึกวิ่งไปมาและจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ แสดงว่าข้าศึกเตรียมที่จะรบถึงขั้นแตกหัก

ถ้าข้าศึกส่งตัวแทนมาเจรจาของสงบศึก โดยกองทัพยังไม่ได้รับความสูญเสีย และไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยัน ก็แสดงว่าข้าศึกเตรียมกลลวงไว้

ถ้าข้าศึกเข้ารบบ้าง ถอยบ้างแสดงว่าข้าศึกต้องการล่อให้ ไปติดกับ

ถ้าข้าศึกยืนแล้วเอาอาวุธยันกาย แสดงว่าข้าศึกอดอาหาร และกำลังหิวโซ

ถ้าข้าศึกดื่มกินน้ำอย่างเร่งรีบ แสดงว่าข้าศึกกระหายน้ำจัด

ถ้าข้าศึกไม่บุกเข้าโจมตีขณะที่ตัวเอง มีความได้เปรียบอยู่ แสดงว่าข้าศึกอยู่ในสภาพอ่อนล้า อิดโรย

ถ้ามีนกกาจับฝูงบินวนเหนือค่ายข้าศึก แสดงว่าเป็นค่ายร้าง

ถ้าข้าศึกมีความตระหนกตกใจ แสดงว่าข้าศึกเริ่มหวาดกลัว

ถ้าเกิดความชุลมุนวุ่นวายในค่ายข้าศึก แสดงว่าแม่ทัพนายกองไม่เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าทหาร

ถ้าธงข้าศึกโบกไหวไม่เป็นระเบียบ แสดงว่าข้าศึกมีความชุลมุนวุ่นวาย

ถ้านายทหารของข้าศึกมีความหงุดหงิด โกรธง่าย แสดงว่ากองทัพเหนื่อยอ่อนไร้เรี่ยวแรง

ถ้าข้าศึกหุงหาอาหารกิน และไม่เก็บภาชนะเหล่านั้น แสดงว่าข้าศึกกำลังเตรียมสู้ตาย

ถ้าแม่ทัพนายกองข้าศึกพูดจากับทหารผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างนบนอบขาดความสง่างาม แสดงว่าแม่ทัพนายกองนั้นไม่เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าทหาร

ถ้าแม่ทัพนายกองต้องให้รางวัลแก่ทหารอยู่เสมอ แสดงว่าแม่ทัพนายกองจนปัญญาที่จะบังคับบัญชาเหล่าทหาร

ถ้าแม่ทัพนายกองลงโทษทหารอยู่เสมอ แสดงว่าทัพข้าศึกกำลังเข้าตาจนอยู่ในสภาวะที่ลำบาก

ถ้าแม่ทัพนายกองแสดงความเหี้ยมโหดกับทหาร ภายหลังมาหวาดระแวง แสดงว่าผู้นั้นเป็นคนนำทัพที่ไม่ฉลาด
ถ้าข้าศึกส่งของกำนัลมาเพื่อที่จะเจรจา แสดงว่าข้าศึกนั้นกำลังขอพักรบเพื่อให้ทหารได้พักผ่อน

และถ้าข้าศึกยกทัพมาประชิดค่าย ตั้งทัพอยู่นานซ้ำยังไม่ยอมออกมารบด้วย และไม่ยอมถอยกลับ ให้คิดหาเหตุผลของข้าศึก พร้อมกับระมัดระวังให้ดี

      ในการรบนั้น ฝ่ายที่มีกำลังมากก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ขอเพียงอย่าวู่วามบุ่มบ่ามขาดสติในการบุกโจมตีข้าศึก จงรวบรวมกำลังทหาร และพิจารณาสภาพการณ์ของข้าศึก พร้อมกับสร้างความสามัคคีในหมู่คณะเท่านี้ก็เพียงพอในการที่จะให้กองทัพดำรงอยู่ได้ พร้อมที่จะเอาชัยชนะ แม่ทัพที่ไม่มีความคิดซ้ำยังประมาทกำลังของข้าศึก ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพ่ายแพ้ตกเป็นเชลย

      หากแม่ทัพลงโทษทหารทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด ทำให้ทหารนั้นจะไม่เคารพยำเกรง และอาจจะเกิดการกระด้างกระเดื่องขึ้นในกองทัพยากแก่การบังคับบัญชา และหากทหารมีความผิดแต่ไม่ทำโทษตามวินัย แม้ทหารจะมีความเคารพนับถือในตัวแม่ทัพ แต่ก็จะใช้ให้ทหารเหล่านี้ออกรบไม่ได้ทหารนั้นจะย่อหย่อนทางวินัย

      การที่จะให้ทหารเชื่อฟังแม่ทัพ และเคารพยำเกรงในตัวแม่ทัพ ก่อนอื่นแม่ทัพจะต้องชนะใจทหารเสียก่อน ชนะได้ด้วยความมีเมตตากรุณา ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความเฉียบขาดในเรื่องระเบียบวินัย แม่ทัพที่ทำได้อย่างนี้ก็จะเป็นที่ยำเกรง และเป็นที่รักใคร่ของเหล่าทหาร สั่งสอนให้ทหารมีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ทหารก็จะเคยชินกับระเบียบวินัยนั้น ถ้าหากไม่ค่อยสั่งสอนหรือย่อหย่อนในระเบียบวินัย ทหารก็จะไม่เคยชินกับระเบียบวินัย เมื่อระเบียบวินัยได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นปกติ ความสามัคคีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกันทุกสมรภูมิรบกับผู้เป็นแม่ทัพก็จะเกิดขึ้น

      แม่ทัพที่ปฏิบัติต่อผู้ทหารดั่งแม่ที่ทะนุถนอมลูกน้อย ทหารย่อมร่วมยินดีฝ่าฝันร่วมทุกข์ร่วมยากกับแม่ทัพ

      แม่ทัพที่ปฏิบัติต่อทหารเหมือนดั่งพ่อรักลูก ทหารย่อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับแม่ทัพได้

      ถ้าหากแม่ทัพปฏิบัติต่อทหารอย่างดี แต่เมื่อถึงเวลาใช้งานตามความสามารถกลับไม่ใช้ รักแต่ไม่อบรมสั่งสอน และเมื่อทหารทำผิดกับไม่ได้รับโทษ เมื่อเป็นเช่นนี้เหมือนกับเป็นการตามใจลูกจนเสียคน ทหารเหล่านี้จะใช้ทำการรบไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น